เทคนิคเลือกและดูแลรักษายางรถยนต์ ที่คนรักรถห้ามมองข้าม
หลายๆ คนคงมีเหตุผลในการเลือกใช้ยางรถยนต์ที่ทั้งเหมือนและต่างกันออกไป บางคนเลือกยางที่นุ่ม เงียบ ประหยัดน้ำมัน และอีกหลายคนก็ไปในเวย์เน้นความแรงของรถ ขับเคลื่อนความสปอร์ตให้เท่กว่าใครบนท้องถนน และก็มีอีกไม่น้อยที่มองหาแต่ยางราคาย่อมเยามาใช้งานเท่านั้น เราเองก็ยังสองจิตสองใจว่าจะเลือกยางอย่างไรถึงจะเหมาะกับรถยนต์คู่ใจ โชคดีที่ตาไว ไปเจอเข้ากับโฆษณาใหม่ของยาง Bridgestone เข้า ทำเอาเหมือนถูกจี้ใจดำเข้าอย่างจัง เพราะเขาพูดถึงความสำคัญของ “พื้นที่เล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ” ได้โดนใจจริงๆ
งงล่ะสิ ว่าพื้นที่ขนาดเท่าฝ่ามือคืออะไร เราเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าทุกครั้งที่ยางสัมผัสกับถนนนั้นมีพื้นผิวสัมผัสเท่าขนาดฝ่ามือของคนเราแค่นั้นจริงๆ ซึ่งพื้นที่แค่นี้นี่แหละ ที่มีผลต่อสมรรถนะในการขับขี่เป็นอย่างมาก เพราะทุกครั้งที่เราจับพวงมาลัย เหยียบเบรค หรือถอนคันเร่ง ก็มีเพียงพื้นผิวสัมผัสขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้นที่ดูแลชีวิตของเราอยู่
รู้อย่างนี้แล้ว บริดจสโตน แบรนด์ยางรถยนต์ที่ได้มาตรฐานจึงได้ออกแคมเปญ #มือที่คุณวางใจ #GiveALovingHand เพื่อเน้นย้ำให้คนไทยหันมาใส่ใจในการเลือกใช้ยางรถยนต์มากขึ้น ทั้งการเลือกยางที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยที่สุด
เราเลยใช้โอกาสนี้ รวมทริคดีๆ เกี่ยวกับการดูแลพื้นที่ขนาดเท่าฝ่ามือประจำรถยนต์ที่คุณไม่ควรมองข้ามมาฝาก
1. เลือกยางให้ถูกประเภทการใช้งาน
ใครที่กำลังมองหายางใหม่มาแทนยางเส้นเก่า ต้องเลือกขนาดของยาง ชนิดโครงสร้างยาง ลักษณะดอกยาง และความลึกของร่องดอกยางให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน และสำหรับรถยนต์บางชนิดที่ไม่ใช้ยางใน (Tubeless) เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ ก็ควรเปลี่ยนวาล์วใหม่ด้วยทุกครั้ง
2. เช็คลมยางอย่างไรให้ถูกวิธี
- ควรหมั่นเช็คลมยางและเติมลมยางให้ถูกต้องตามอัตราที่กำหนดเป็นประจำในขณะที่ยางเย็น ไม่ควรเติมลมยางมากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้าลมยางน้อยหรืออ่อนเกินไป จะทำให้ยางสึกบริเวณไหล่ยาง ทำให้โครงยางบริเวณแก้มยางฉีกขาดหรือหักได้ ส่วนถ้าเติมลมยางมากไป จะทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่าย เนื่องจากพื้นที่ในการเกาะถนนลดลง อีกทั้งยางมีโอกาสระเบิดได้ง่ายเมื่อเกิดการกระแทกหรือถูกตำ เพราะยางมีการยึดหยุ่นได้น้อย
- ในกรณีที่คุณขับรถเก๋งระยะทางไกลด้วยความเร็วสูง ให้เติมลมยางมากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์ เพื่อการคืนตัวของยางจะเร็วขึ้น และไม่เสียรูปทรงยาง ทำให้มีอายุการใช้งานนานด้วย
- หากจำเป็นต้องเติมลมยางหลังใช้งาน ควรเติมเพิ่มประมาณ 2 ปอนด์ เพื่อชดเชยความดันอากาศที่ขยายตัวจากการเกิดความร้อนของยางขณะวิ่ง
- อย่ามองข้ามการเช็คลมยางอะไหล่ด้วยเช่นกัน โดยควรเติมลมยางมากกว่าอัตรากำหนดเสมอ
- สำหรับกรณีที่เป็นยางใหม่ ให้เพิ่มความถี่ในการตรวจเช็กลมยางให้มากกว่าปกติ หรือในช่วง 3,000 กิโลเมตรแรกเนื่องจากโครงสร้างยางในช่วงนี้จะมีการขยายตัว ทำให้ความดันลมยางลดลง และเพื่อป้องกันลมรั่วซึมที่วาล์วและแกนวาล์ว
3. อย่ามองข้ามการสลับตำแหน่งยาง
การสลับตำแหน่งยางจะช่วยให้ยางมีการสึกหรออย่างสม่ำเสมอเท่าๆ กัน สำหรับยางเรเดียลจะสลับทุกๆ ระยะทาง 10,000 กิโลเมตร และยางผ้าใบจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 กิโลเมตร
ควรบำรุงรักษาระบบช่วงล่างของรถยนต์ให้สมบูรณ์อยู่เสมอ รวมถึงหมั่นตรวจสอบศูนย์ล้อให้ได้มาตรฐานของรถยนต์
วิธีตรวจสอบศูนย์ล้อด้วยตัวเองว่าเป็นปกติหรือไม่ สังเกตง่ายๆ เวลาเลี้ยว 90 องศา ให้ดูการคืนพวงมาลัยเป็นปกติหรือไม่ ถ้าต้องดึงพวงมาลัยช่วยคืน แสดงว่าศูนย์ล้อไม่ปกติ ควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คโดยเร็ว
ที่มา: https://www.sanook.com/auto/68689/